





“อปพส.” ตรวจสอบ ซาบีดา รมว.วธ. นำพิพิธภัณฑ์อัลกุรอานเป็นมรดกโลก
🙏 เมื่อ นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าจะนำพิพิธภัณฑ์คัมภีร์อัลกุรอานเสนอคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก เพื่อผลักดันให้พิพิธภัณฑ์อัลกุรอานเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ.2568 โดยกล่าวกับสื่อมวลชนที่มัสยิดอันซอรุลอิสลาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และ ในวันเดียวกันนางสาวซาบีดาได้ลงพื้นที่ไปยังพิพิธภัณฑ์อัลกุรอานซึ่งตั้ง อยู่ที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส พร้อมกับประกาศผลักดันพิพิธภัณฑ์อัลกุรอานอายุกว่า 1,000 ปี ให้เป็น มรดกโลก โดยระบุว่า พิพิธภัณฑ์คัมภีรอัลกุรอานเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า และพร้อมผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาแห่งใหม่ของไทย 🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏 นับเป็นการร้อนวิชาในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งนางสาวซาบีดามากุมบังเหียนได้ไม่ถึง 1 เดือน ก็แสดงเจตนาผลักดันงานของศาสนาอิสลาม จนลืมไปว่า ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน ด้วยเหตุนี้ “นายประพันธ์ กิตติฤดีกุล” เลขาธิการ องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายภาคประชาชน จึงเข้ายื่นหนังสือคัดค้านการนำพิพิธภัณฑ์อัลกุรอานเสนอเป็นมรดกโลก ที่กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2568 🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏 @ “อปพส.” จี้กระทรวงวัฒนธรรม ยุติการเสนอพิพิธภัณฑ์อัลกุรอานเป็นมรดกโลก 🙏 ด้าน “นายประพันธ์ กิตติฤดีกุล” เลขาธิการ องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) กล่าวว่า ทาง อปพส. พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนำพิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน อายุ 1,000 ปี ผลักดันเป็นมรดกโลกโดยใช้จังหวะช่วงที่นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เข้ามาบริหารกระทรวงวัฒนธรรมอยู่ขณะนี้ 🙏 “เหตุเพราะ บทบัญญัติในคัมภีร์อัลกุรอานพบว่า มีบทบัญญัติหลากหลายซูเราะฮฺ หลากหลายอายะ ที่มีบทคำสอนที่บัญญัติถึงความร้ายแรงต่อผู้ไม่ศรัทธาต่อ อัลลอฮฺ ทั้งชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ความแตกแยก แยกเขาแยกเราได้เปรียบเสียเปรียบ ความไม่ประนีประนอม จนนำไปสู่หรือสร้างแรงจูงใจให้เกิดความรุนแรงความเสียหายในพื้นที่ชายแดนใต้ อันมีชนชาวไทยพุทธ อันเป็นคนส่วนน้อยของพื้นที่ตลอดมานับ 100 ปี แม้รัฐจะพยายามอย่างสูงสุด ด้วยสิทธิพิเศษที่หลากหลาย เช่น ออก พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ.2524 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3 พ.ศ.2559 ก่อนที่ รแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ประกาศบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักรไม่นานนักและ เหตุเพราะ รัฐธรรมนูญฯ ฉบับนี้ ในมาตรา 67 บัญญัติว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครอง พระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นฯ มิได้มีคำใดๆบัญญัติว่าส่งเสริม อันพึงปรากฏในพ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ ทั้งฉบับ พ.ศ.2524 และ 2559 โดยที่จุฬาราชมนตรีมีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษา และเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลาม แต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม ตลอดจนออกประกาศเกี่ยวกับข้อวินิจฉัย ตามบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลาม 🙏 และควรถามความเห็นทุกภาคส่วนเพื่อการมีส่วนร่วมในสังคมไทยเพื่อมิให้ภาพลักษณ์ของประเทศชาติ ที่อาจจักต้องได้รับความเสียหายในระดับสากลก่อนที่จะผลักดันโครงการดังกล่าว และ เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2566-2570 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันว่าด้วยการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และวัฒนธรรม การส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีพุทธเพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยววิถีพุทธของโลก” นายประพันธ์ กล่าว 🙏 นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุข้างต้น จึงขอคัดค้านและให้พิจารณายุตินโยบายการนำพิพิธภัณฑ์อัลกุรอานเสนอเป็นมรดกโลก จนกว่าจะพิสูจน์หรือดำเนินการใดๆ กับคำสอนที่มีบทบัญญัติอันตรายร้ายแรงต่อมวลมนุษย์ชาติ และขอให้แจ้งผลกลับมาภายใน 90 วัน 🙏🙏🙏🙏🙏🙏🙏 @ พบคัมภีร์อัลกุรอาน มีบทบัญญัติอันตรายถึงชีวิต จากการศึกษารวบรวมข้อมูลของ “อปพส.” พบว่า มีบทบัญญัติหลายข้อที่สะท้อนให้เห็นความอันตรายในคำสอนที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน โดยหนังสือพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลภาษาไทย จัดทำโดยกระทรวงกิจการอิสลาม ศาสนสมบัติ ซึ่งควบคุมการพิมพ์โดยผู้ควบคุมศูนย์การพิมพ์พระมหาคัมภีรอัลกุรอานของกษัตริย์ ฟาฮัด ในนครมาดีนะห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และจัดทำโดยสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย หน้า 395 ข้อ 167 ในซูเราะฮฺที่ 7 ระบุว่า และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของเจ้าได้แจ้งให้ทราบว่า แน่นอนพระองค์จะส่งมาให้มีอำนาจเหนือพวกเขาจนถึงวันกิยามะฮฺ ซึ่งผู้ที่จะบังคับขู่เข็ญพวกเขา ด้วยการทรมานอันร้ายแรง แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น ทรงเป็นผู้รวดเร็วในการลงโทษและแท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตา 🙏 ข้อนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทำไมความขัดแย้งที่มีชาวมุสลิมอยู่ในพื้นที่ ทั้งในไทยและในต่างประเทศ เช่น อิสราเอล จึงมีความรุนแรงโหดเหี้ยมได้ เพราะข้อ 167 ในคัมภีรอัลกุรอานรองรับว่า การทรมานอันร้ายแรงนั้น เป็นการอภัยโทษของพระเจ้าผู้ทรงเอ็นดูและเมตตา 🙏 เช่นเดียวกับเนื้อหาในหน้า 50 ข้อที่ 165 ในซูเราะฮฺที่ 2 บัญญัติว่า และในหมู่มนุษย์นั้น มีผู้ที่ยึดถือ บรรดาภาคี อื่นจากอัลลอฮฺ ซึ่งพวกเขารักภาคีเหล่านั้นเช่นเดียวกับรักอัลลอฮฺ แต่บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นผู้ที่รักอัลลอฮฺมากยิ่งกว่า และหากบรรดาผู้อธรรมจะได้เห็น ขณะที่พวกเขาเห็นการลงโทษอยู่นั้น (แน่นอนพวกเขาจะต้องตระหนักดีว่า) แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงลงโทษที่รุนแรง 🙏 นี่คือตัวอย่างเนื้อหาเพียงบางส่วนจากคัมภีรอัลกุลอาน ซึ่งมีจำนวนหน้าถึง 1,739 หน้า ที่ปรากฎบทบัญญัติแต่ละข้อที่ยังคงความไม่สันติภาพต่อมวลมนุษยชาติ แต่ความจริงเหล่านี้ไม่เคยถูกเปิดเผย และ ถูกนำมาเขียนใหม่ ดัดแปลงใหม่ เพื่อให้คนไทยบางส่วนเชื่อว่า ไม่มีความรุนแรงในคัมภีรอัลกุรอาน ขณะที่ความเป็นจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
ศิริประภา เย็นยอดวิชัย
10/29/20251 min read


My post content

Contact
Get in touch
Connect
© 2025. All rights reserved.

